วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

อยากพิมพ์บาร์โค้ด ต้องเริ่มต้นอย่างไร?

หลายคนที่ต้องการพิมพ์บาร์โค้ดแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ผมมีคำตอบให้ครับ ก่อนอื่นเมื่อต้องการจะพิมพ์ก็ต้องนึกถึงเครื่องพิมพ์เป็นอันดับแรก สำหรับผมแล้วเครื่องพิมพ์ที่เหมาะสมกับการพิมพ์บาร์โค้ดมากที่สุดก็คือ "เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด" ถามว่าทำไมต้องเป็นเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าสำหรับพิมพ์บาร์โค้ดโดยเฉพาะ ผมจะไม่บอกว่าเครื่องพิมพ์ชนิดอื่นไม่เหมาะสมอย่างไร แต่ผมจะบอกข้อดีของเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดว่าดีอย่างไรดังนี้
  1. เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดสามารถพิมพ์บาร์โค้ดได้ตามมาตรฐานและอ่านค่าบาร์โค้ดได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากเครื่องพิมพ์ถูกป้อนคำสั่งให้คำนวณข้อมูลและสัดส่วนของแท่งบาร์ให้ได้ตามมาตรฐานของบาร์โค้ดแต่ละชนิด ลองคิดดูนะครับ หากพิมพ์บาร์โค้ดออกมาได้แต่อ่านด้วยเครื่องอ่านไม่ได้บาร์โค้ดก็หมดประโยชน์ ใช้ได้แต่เพียงสินค้านี้ก็มีบาร์โค้ดเหมือนกัน
  2. มีความแม่นยำในการพิมพ์ ตรงตามตำแหน่งที่กำหนดในฉลากสินค้า เนื่องจากใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจเช็คขนาดของฉลากก่อนการพิมพ์ทุกครั้ง หากสินค้าแต่ละชนิดมีการพิมพ์ฉลากบาร์โค้ดที่ไม่เหมือนกันเลย เบี้ยวซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ลูกค้าจะรู้สึกอย่างไรกับสินค้าคุณ
  3. มีความเร็วในการพิมพ์สูงกว่าเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น อันนี้ก็ง่ายๆ งานเสร็จเร็วใครๆ ก็ชอบ


เหตุผลเท่านี้ก็คงจะเพียงพอแล้วนะครับ ทีนี้มาดูวิธีเลือกเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดกันว่าต้องดูอะไรบ้าง สมมุติว่าคุณเพิ่งใช้งานบาร์โค้ดซึ่งมีปริมาณงานพิมพ์ไม่มากนักก็ให้ดูดังนี้



  1. เลือกเครื่องพิมพ์ขนาดตั้งโต๊ะไม่จำเป็นต้องเลือกถึงรุ่นอุตสาหกรรม ซึ่งราคาก็ประมาณ 1-2 หมื่นบาทหรือมากกว่านั้นแล้วแต่คุณสมบัติ
  2. ควรเลือกรุ่นที่สามารถใช้ริบบ้อนบาร์โค้ดได้ เพราะจะสามารถพิมพ์ได้ทั้งแบบไม่ใช้ริบบ้อนและใช้ริบบ้อน (ต้องระวังนะครับอย่าเห็นแก่ของถูก)
  3. บอกผู้ขายไปเลยครับว่าขอเป็นรุ่นที่ใส่ริ้บบ้อนแกน 1 นิ้วเท่านั้น (สำคัญ สำคัญ) เพราะริบบ้อนแกน 1 นิ้วราคาจะถูกกว่า 1/2 นิ้ว
  4. ก่อนซื้อคุณสามารถขอผู้ขาย Demo สินค้าได้ เพราะผู้ขายส่วนใหญ่จะมีบริการนี้อยู่แล้ว แล้ว Demo เพื่ออะไร ก็ให้ดูเรื่องความคมชัดของงานพิมพ์ คุณว่าสำคัญไหมล่ะ ถ้าใช่ก็ยอมเสียเวลาหน่อย เพราะบางรุ่นกว่าจะปรับให้คมชัดก็ต้องลดความเร็วในการพิมพ์เกือบต่ำสุด สำหรับผมแล้วควร Setup เครื่องพิมพ์ให้มีความเร็วในการพิมพ์ระดับกลางๆ ของความสามารถเครื่องพิมพ์ เช่น เครื่องพิมพ์มีคุณสมบัติพิมพ์ได้ 2 นิ้วถึง 6 นิ้วต่อวินาที ก็ให้ Set ไว้ที่ความเร็ว 4 นิ้วต่อวินาทีก็พอ เพื่อถนอมหัวพิมพ์ให้ใช้ได้นานๆ
  5. ต้องถามราคาหัวพิมพ์ด้วย เพราะเทคโนโลยีนี้หัวพิมพ์ถือเป็นวัสดุสิ้นเปลือง แต่สำหรับรุ่นตั้งโต๊ะจะไม่ค่อยพบปัญหาหัวพิมพ์เหมือนรุ่นอุตสาหกรรมเพราะอันนั้นเขาพิมพ์เยอะจริงๆ ไม่ต้องห่วงมากนักหากใช้อย่างถูกวิธี มันก็เหมือนกับหลอดไฟซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะขาดวันไหน ถ้าใช้มากก็ขาดเร็วก็เท่านั้นเอง
  6. เรื่องโปรแกรมบาร์โค้ดไม่ต้องห่วงว่าจะต้องเสียตังค์เพิ่มเพราะเดี๋ยวนี้เขาแถมมาพร้อมกับเครื่อง แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจไปว่ามีโปรแกรมแล้วจะพิมพ์กับเครื่องพิมพ์อะไรก็ได้เพราะผู้ผลิตเขาล็อคไว้พิมพ์กับเครื่องของเขาเท่านั้น
  7. หาซื้อเครื่องอ่านบาร์โค้ดไว้ซักเครื่องนะครับ เพื่อสุ่มตรวจสอบงานพิมพ์ อย่าไว้ใจอะไร 100%
พอเราได้เครื่องพิมพ์แล้วสิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือ "ฉลากบาร์โค้ด" และ "ริบบ้อน" ผมจะพูดถึงกรณีงานพิมพ์ที่ใช้ริบบ้อนเท่านั้นเพราะคนส่วนใหญ่ใช้แบบนี้กัน กรณีที่ไม่ใช้ริบบ้อนคุณต้องใช้ฉลากที่เรียกว่า Direct Thermal (เทคโนโลยีเหมือนกระดาษเครื่อง Fax ชนิดม้วน) และฉลากชนิดนี้เก็บไว้ได้ไม่นานคุณภาพงานจะจางลงซึ่งเหมาะสมกับสินค้าอายุสั้น เช่น ผักผลไม้ เป็นต้น
มาเข้าเรื่องฉลากที่ต้องใช้ริบบ้อนพิมพ์ดีกว่า ซึ่งในท้องตลาดส่วนใหญ่จะเลือกใช้อยู่ 2 ชนิดคือ Thermal Tansfer และ SemiGloss ผมขอแนะนำคุณเลยนะครับว่าใช้แค่ SemiGloss ก็เพียงพอแล้วครับ ราคาก็ถูกกว่า แต่ถ้าคุณอยากได้คุณภาพงานพิมพ์ที่สวยงามขั้นเทพก็ Thermal Transfer ครับ ซึ่งฉลาก SemiGloss ในท้องตลาดบางผู้ผลิตก็เรียกว่า Art ก็เอาเป็นว่าชอบแบบไหนเรียกแบบนั้นก็แล้วกัน สิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงสำหรับเรื่องฉลากนั้นก็คือ "กาว" คุณต้องลองเอามาติดกับชิ้นงานและทิ้งไว้ซัก 1-2 อาทิตย์หรือมากกว่านั้น เพื่อทดสอบว่าฉลากหลุดร่อนหรือไม่อย่างไร แต่บางครั้งก็ต้องดูพื้นผิวที่เราเอาฉลากไปติดประกอบการพิจารณาด้วย เช่น ความเรียบของพื้นผิว ฝุ่น แป้ง น้ำมัน เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการยึดเกาะของฉลาก

       หลังจากเลือกฉลากได้แล้ว ก็มาถึงคิวของริบบ้อน กรณีใช้ฉลากชนิด SemiGloss (Art) คุณต้องใช้ริบบ้อนชนิด Wax หรือ Wax-Resin เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ Wax ด้วยเหตุผลทางด้านราคา ส่วน Wax-Resin จะให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ทนทานกว่าเท่านั้นเอง ก่อนเลือกขอย้ำว่า คุณต้องทดสอบริบบ้อนก่อนซื้อ เพราะแต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมของสารเคมีที่ไม่เหมือนกัน แล้วอย่าลืมจดรุ่นของริบบ้อนที่ใช้งานได้ไว้นะครับ (กันลืม)
ในเรื่องของฉลากและริบบ้อนมีให้คุณเลือกมากมายอีกในท้องตลาด ที่ผมยกตัวอย่างมาคือที่เขาใช้กันทั่วๆไป หากคุณต้องการคุณภาพฉลากที่สูงขึ้นก็ต้องสอบถามผู้ขายกันอีกที่ เช่น ฉลากที่กันน้ำ ทนความร้อน ฉีกไม่ขาด เป็นต้น

หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับคุณไม่มากก็น้อยนะครับ


ก่อนจะจบบทความนี้ ผมขอแถมเรื่อง  คำว่าบาร์โค้ดเขียนอย่างไรจึงจะถูก ผมเห็นหลายท่านชอบเขียนเป็น "บาร์โค๊ด" ผันตรงตัวเลย แต่ "ค" เป็นอักษรเสียงต่ำ มีรูปวรรณยุกต์แค่ ไม่เอก กับ ไม้โท เท่านั้น คำที่ถูกต้องต้องเขียนว่า "บาร์โค้ด" ใช้ไม้โทเสียงตรี

ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ